• ท่าพระจันทร์
2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 14?04?32?N 100?37?02?E? / ?14.07559?N 100.61722?E? / 14.07559; 100.61722
• ศูนย์รังสิต
99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นคณะนิติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ และมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการเมืองการปกครองของประเทศไทยหลายครั้งหลายครา กับทั้งได้สนองความต้องการของสังคมตามวัตถุประสงค์ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสมอมา ปัจจุบันคงเปิดดำเนินการและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือกำเนิดขึ้นจากการจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายใน พ.ศ. 2440 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม แต่ครั้งมีพระยศที่พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ฯ เพื่อให้การศึกษาอบรมด้านนิติศาสตร์โดยเฉพาะซึ่งไม่เคยมีมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี ถึงแม้ครั้งนั้นมีสถานะเป็นแต่โรงเรียนอันมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ กระนั้นก็ได้มีแจ้งความของโรงเรียนเกี่ยวกับกำหนดการสอบไล่ของนักเรียนกฎหมายลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาอันเป็นหนังสือพิมพ์ข่าวราชการด้วย สำหรับที่ตั้งของโรงเรียนกฎหมายนั้นได้แก่ห้องเสวยของเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมซึ่งอยู่ถัดจากห้องทรงงาน โดยเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมทรงให้การศึกษาด้วยพระองค์เองเมื่อทรงเสร็จสิ้นการเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว ครั้นมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีการย้ายไปทำการเรียนการสอนยังตึกสัสดีหลังกลาง กระทรวงยุติธรรม
พ.ศ. 2453 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงพ้นจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม หลังจากนั้นโรงเรียนกฎหมายก็ทรุดโทรมตามลำดับ และต้องไปเปิดทำการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร และที่เรือนไม้หลังเล็ก ๆ ระหว่างตึกศาลแพ่งกับตึกเก๋งจีนซึ่งบัดนี้ทำลายลงเสียแล้ว
พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงรับโรงเรียนกฎหมายไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยให้สังกัดกระทรวงยุติธรรม และให้เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโรงเรียนนี้ โดยสถานที่เรียนนั้นย้ายมายังตึกกรมประชาสัมพันธ์เดิมบริเวณเชิงสะพานผ่านพิภพลีลา
พ.ศ. 2475 เมื่อมีการปฏิวัติสยามโดยคณะราษฎร รัฐบาลได้จัดตั้งคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแห่งแรกในประเทศไทย แล้วให้โอนโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ไปสมทบกับคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 เมษายน ปีนั้นเอง ครั้งนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดให้การเรียนการสอนของโรงเรียนกฎหมาย เป็นแผนกวิชาหนึ่งในคณะดังกล่าว โดยผู้สำเร็จหลักสูตรนิติศาสตร์ได้รับเพียงประกาศนียบัตร หากต้องการเป็นเนติบัณฑิตต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของเนติบัณฑิตยสภาอีกชั้นหนึ่ง อนึ่ง ปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งคณะดังกล่าวขึ้นใหม่ โดยแยกออกเป็นคณะรัฐศาสตร์คณะหนึ่ง และคณะนิติศาสตร์อีกคณะหนึ่ง ทั้งนี้ การโอนไปสมทบดังกล่าวเป็นแต่ทางนิตินัย ทว่าโดยพฤตินัยแล้ว ยังคงจัดการเรียนการสอนยังคงอยู่ที่เชิงสะพานผ่านพิภพลีลาเช่นเดิม
พ.ศ. 2476 สภาผู้แทนราษฎรได้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พุทธศักราช 2476 ขึ้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปีนั้น และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปีเดียวกัน โดยความสำคัญว่า
มาตรา 4 ให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมหาวิทยาลัยหนึ่ง เรียกว่า 'มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง' มีหน้าที่จัดการศึกษาวิชากฎหมาย วิชาการเมือง วิชาเศรษฐการ และบรรดาวิชาอื่น ๆ อันเกี่ยวกับธรรมศาสตร์และการเมือง
มาตรา 5 ให้โอนคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดจนทรัพย์สินและงบประมาณของคณะเหล่านั้น มาขึ้นต่อมหาวิทยาลัยนี้ ก่อนวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2477
เมื่อแรกสถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองนั้น ไม่ได้มีการแยกเป็นคณะ ๆ ต่าง ๆ ดังปัจจุบัน หากมีแต่การเรียนการสอนที่เรียกว่า "ธรรมศาสตรบัณฑิต" อักษรย่อว่า "ธ.บ." จัดการเรียนการสอนแต่วิชาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พุทธศักราช 2476
พ.ศ. 2492 วันที่ 14 มิถุนายน ปีนั้น ได้มีการแยกหลักสูตรธรรมศาสตรบัณฑิตออกเป็นคณะวิชาสี่คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี การศึกษาระดับปริญญาตรีมีสี่ปี นอกจากนี้ หลักสูตรการเรียนการสอนของคณะนิติศาสตร์ก็ได้รับการปรับปรุงโดยให้เริ่มวิชาภาษาต่างประเทศและเน้นหนักไปในทางปฏิบัติให้เหมาะสมแก่การประกอบ
พ.ศ. 2512 คณะนิติศาสตร์เริ่มสร้างอาจารย์ประจำคณะ โดยดำเนินการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามารับราชการเป็นอาจารย์ประจำ และได้จัดสรรทุนการศึกษาสำหรับส่งอาจารย์ไปศึกษาวิชานิติศาสตร์ในระดับสูงในต่างประเทศ ในระยะเริ่มต้นคณะได้จัดสรรทุนธรรมศาสตร์และทุนจากสมาคมธรรมศาสตร์ให้แก่อาจารย์คณะนิติศาสตร์เพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกโดยมีวัตถุประสงค์ให้กลับมารับราชการเป็นอาจารย์ประจำที่คณะนิติศาสตร์ ซึ่งในระยะตั้งแต่ พ.ศ. 2522 เป็นต้นมา คณะก็ได้รับทุนการศึกษาจากแหล่งต่าง ๆ หลายแห่ง เช่น ทุน ก.พ. ทุนโอเซี่ยนนิคและสุวรรณมาศ ทุนรัฐบาลฝรั่งเศส ทุนอานันทมหิดล สาขาธรรมศาสตร์ เป็นต้น
พ.ศ. 2514 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนอีกครั้ง โดยนำระบบหน่วยกิตและการวัดผลแบบใหม่เข้ามาใช้ในมหาวิทยาลัย ยังผลให้หลักสูตรทั้งปวงของคณะนิติศาสตร์ก็ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับระบบของมหาวิทยาลัย เว้นแต่วิธีการวัดผลการศึกษาซึ่งยังใช้ระบบคะแนนดังเดิม โดยถือเป็นเพียงคณะเดียวในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ใช้ระบบคะแนนเฉลี่ย ไม่ใช่ระบบเกรดเฉลี่ย
พ.ศ. 2515 คณะนิติศาสตร์ได้เปิดหลักสูตรนิติศาสตร์สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรีจากสาขาอื่นมาแล้ว เรียกว่า "หลักสูตรชั้นปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ ภาคบัณฑิต" โดยเข้าศึกษาเฉพาะวิชาบังคับ ตามหลักสูตรชั้นปริญญาตรีชั้นปีที่สอง ปีที่สาม และปีที่สี่ ของคณะนิติศาสตร์ ผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรนี้มีศักดิ์และสิทธิเป็น "นิติศาสตรบัณฑิต" แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เสมอกันกับผู้สำเร็จหลักสูตรปรกติ
พ.ศ. 2549 ผลจากมติสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ได้ทำการย้ายการเรียนการสอนหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคปกติ ทั้งหมดมาทำการเรียนการสอน ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดย นักศึกษา รหัส 4901XXXXXX ถือเป็นรหัสแรกที่ต้องศึกษา ณ ศูนย์รังสิต ตลอดหลักสูตรการศึกษา เว้นแต่ภาคฤดูร้อนที่ต้องกลับไปศึกษา ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
พ.ศ. 2552 คณะนิติศาสตร์ ได้เปิดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคปกติ ขึ้น ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เป็นรุ่นแรก ตามนโยบายการกระจายการศึกษาวิชานิติศาสตร์สู่ท้องถิ่น ในเบื้องต้นเปิดรับนักศึกษาจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวนทั้งสิ้น 200 คน โดยรับด้วยวิธีมหาวิทยาลัยคัดเลือกตรง (สอบตรง) จากผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือ จำนวน 150 คน และผ่านระบบรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาจากทั่วประเทศอีก 50 คน และในปีเดียวกันนี้ได้ปิดหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปางลงด้วย
ปัจจุบัน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คงเปิดดำเนินการและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นคณะในสถาบันอุดมศึกษาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นอันดับที่สองของประเทศโดยรองจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งคณบดีและผู้รักษาการแทนคณบดีเป็นคำนำหน้านามตามตำแหน่งทางวิชาการในขณะรับตำแหน่ง
นอกจากหน่วยงานที่ตอบสนองภารกิจพื้นฐานของคณะนิติศาสตร์แล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นอีก 3 หน่วยงาน คือ
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เปิดให้มีการอบรมความรู้ด้านกฎหมายเฉพาะด้านหลายโครงการแก่บุคคลทั่วไปหรือผู้สนใจ ซึ่งประกอบไปด้วย
นิติศาสตรบัณฑิต (น.บ.) สาขาวิชานิติศาสตร์ (Bachelor of Laws Programme : LL.B) ประกอบด้วย วิชาเฉพาะด้านใน 4 สาขา ดังนี้
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดให้มีการเรียนการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับนิติศาสตรบัณฑิต โดยมิได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรในระดับปริญญาโท หากแต่เป็นโครงการที่มีลักษณะเฉพาะที่สมบูรณ์ในตัวเอง การศึกษาตามโครงการนี้จะเน้นให้ศึกษาได้มีความรู้ ทั้งทางด้านกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติที่เป็นอยู่โดยจะศึกษาทั้งทางด้านทฤษฎีควบคู่กับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละเรื่องในทางปฏิบัติ ซึ่งประกอบด้วย
นิติศาสตรมหาบัณฑิต (น.ม.) (Master of Laws Programme : LL.M) คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทโดยเกิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อ พ.ศ. 2477 และได้ปรับปรุงหลักสูตรนี้โดยตลอด การปรับปรุงครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี พ.ศ. 2553 โดยประกอบไปด้วยสาขาวิชาดังต่อไปนี้
นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต (น.ด.) (Doctor of Laws Programme : LL.D.) เช่นเดียวกันกับหลักสูตรปริญญาโท หลักสูตรปริญญาเอกคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้เปิดสอนเป็นสถาบันแรกของประเทศไทยเช่นเดียวกัน และได้จัดการเรียนการสอนตลอดมา และได้มีการปรับปรุงหลักสูตรในปี พ.ศ. 2539 โดยผู้สมัครเป็นผู้เสนอหัวข้อให้บัณฑิตศึกษา คณะนิติศาสตร์ เป็นผู้พิจารณาวิทยานิพนธ์ เป็นต้น
ปัจจุบันคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีความสัมพันธ์ในด้านความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันการศึกษานิติศาสตร์ในต่างประเทศหลายสถาบัน เช่น
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดระบบกิจกรรมนักศึกษา โดยให้นักศึกษามีอิสระในการดำเนินกิจกรรม ซึ่งมีคณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมหลัก ทั้งนี้ ยังประกอบด้วยกลุ่มกิจกรรมอื่น ๆ ภายในคณะอีกด้วยที่มีคณะกรรมการนักศึกษาฯ เป็นผู้ประสานงาน
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมเนื่องในวันรพีเป็นประจำในวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแข่งขันตอบปัญหากฎหมายระดับอุดมศึกษาชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และระดับมัธยมศึกษาชิงถ้วยรางวัลประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา การแสดงศาลจำลอง การเสวนาวิชาการ การแนะแนวการศึกษา ลานน้ำชาปัญญาชน ห้องประวัติศาสตร์เดือนตุลา การจัดแสดงนิทรรศการวิชาการ และการจัดขบวนเชิญพวงมาลาไปถวายสักการะพระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ณ ลานพระรูปหน้าศาลยุติธรรม
นอกจากนี้ ในแต่ละปียังมีการคัดเลือกนักศึกษาจำนวนแปดคน เป็นชายสี่คน และหญิงสี่คน ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากนักศึกษาด้วยกันเองให้เป็น "ทูตกิจกรรมงานวันรพี" หรือที่นิยมเรียกว่า "ทูตรพี" อีกด้วย ทูตกิจกรรมงานวันรพีนั้นมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมทั้งปวงและมีหน้าที่เชิญพวงมาลาไปวางหน้าพระรูปพร้อมกับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยตามกำหนดการ
งานวันรพีของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มักได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน เนื่องจากมีการเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ และผู้ร่วมเสวนามักเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีชื่อเสียงในสังคม
โต๊ะ หมายถึง นักศึกษาที่ได้รับการจัดเป็นกลุ่ม ซึ่งมีธรรมเนียมว่า นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีหนึ่ง ให้เลือกโต๊ะของตนด้วยการจับสลากในวันรับเพื่อนใหม่นิติศาสตร์ ธรรมเนียมนี้ริเริ่มอย่างเป็นรูปเป็นร่างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2525 ปัจจุบัน มีโต๊ะทั้งสิ้นยี่สิบห้าโต๊ะ ดังนี้
พ.ศ. 2553 คณะอนุกรรมการนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปาง จัดให้มีโต๊ะขึ้น ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ทั้งสิ้นสิบสองโต๊ะ ดังนี้
ระบบการจัดการและธรรมเนียมเฉพาะของแต่ละโต๊ะมีความแตกต่างกันไป ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่มีการจัดโต๊ะเพื่อให้สมาชิกโต๊ะดูแลช่วยเหลือกันตามอัธยาศัย ส่วนนักศึกษาที่เป็นสมาชิกโต๊ะรุ่นก่อนหน้าก็จะให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ แก่รุ่นน้อง โดยอาจจัดให้มีรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องเป็นราย ๆ ไป และไม่ใช้ระบบรหัสนักศึกษา ซึ่งสมาชิกภาพของสมาชิกโต๊ะนั้นสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกผู้นั้นแสดงเจตนาขอถอนตัวต่อกลุ่มโต๊ะ หรืออาจสิ้นสุดลงเมื่อขาดการติดต่อกับโต๊ะโดยสิ้นเชิง
อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/คณะนิติศาสตร์_มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์